การสตาร์ทรถ
การสตาร์ทรถทำได้โดยใช้แป้นสตาร์ทในคอนโซลระหว่างที่นั่งด้านหน้าเมื่อมีกุญแจอยู่ภายในรถ
คำเตือน
ก่อนสตาร์ทรถ:
- คาดเข็มขัดนิรภัย
- ปรับที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกต่าง ๆ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถเหยียบเบรกได้จนสุด
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากุญแจอยู่ภายในรถ[1]
- การคาดเข็มขัดนิรภัย
- เหยียบแป้นเบรก[2]
หมุนปุ่มสตาร์ตตามเข็มนาฬิกาแล้วปล่อยปุ่ม
รถจะสตาร์ท และแป้นสตาร์ทจะเลื่อนกลับไปที่ตำแหน่งเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ
- เปลี่ยนเกียร์ไปที่เกียร์ D หรือ R
สำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล อาจมีการหน่วงเวลาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มการสตาร์ตบันทึก
หากเครื่องยนต์ไม่สตาร์ตหลังจากที่พยายามแล้ว 3 ครั้ง - ให้รอ 3 นาที ก่อนที่จะลองใหม่อีกครั้ง ความสามารถในการสตาร์ตจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้แบตเตอรี่กลับคืนสู่สภาพเดิมสำคัญ
เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ มอเตอร์สตาร์ทจะทำงานจนกระทั่งเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้ว หรือจนกระทั่งการป้องกันความร้อนสูงเกินถูกกระตุ้นให้ทำงาน[3]
ข้อความแสดงข้อผิดพลาด
ถ้าข้อความ Car key not detected แสดงขึ้น ให้วางกุญแจไว้ใกล้กับตัวอ่านข้อมูลสำรอง จากนั้นให้ลองสตาร์ทรถอีกครั้ง
เมื่อวางกุญแจไว้ใกล้กับตัวอ่านข้อมูลสำรอง ต้องแน่ใจว่าไม่มีกุญแจ, วัตถุที่เป็นโลหะ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ (เช่นโทรศัพท์, แท็บเล็ต, เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องชาร์จ) อยู่ใกล้กับตัวอ่านข้อมูลสำรอง กุญแจหลายชุดที่อยู่ใกล้กันในบริเวณใกล้กับตัวอ่านข้อมูลสำรองอาจรบกวนซึ่งกันและกันได้บันทึก
ห้าม ดึงกุญแจออกจากรถในขณะที่กำลังขับรถหรือในขณะที่กำลังถูกพ่วงลากคำเตือน
นำกุญแจติดตัวไปด้วยเสมอเมื่อออกจากรถ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าของรถ (สวิตช์กุญแจ) อยู่ที่ตำแหน่ง 0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเด็กอยู่ภายในรถคำเตือน
สำหรับเครื่องยนต์บางประเภทอาจได้ยินเสียงรอบเดินเบาได้ชัดกว่าปกติ ในระหว่างการสตาร์ตขณะเย็น อันเป็นการทำงานเพื่อให้ระบบไอเสียถึงอุณหภูมิการทำงานปกติโดยเร็วเท่าที่ทำได้ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยมลพิษในไอเสียและป้องกันสภาพแวดล้อมบันทึก